22 Apr
22Apr


Saving Private Ryan (1998) เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมินรก

เป็นภาพยนตร์สงครามดราม่า ของพ่อมดแห่งฮอลี่วูดอย่าง สตีเฟน สปิลเบิร์ก ผู้ที่มีผลงานมากมายหลากหลายแนวจนขี้เกียจจะบรรยาย แต่คราวนี้เขาได้มาจับงานสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้นักแสดงนำอย่าง ทอม แฮงค์, เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์, ทอม ไซส์มอร์, แบร์รี่ เป็ปเปอร์, วิน ดีเซล, จิโอวานนี่ ริบิซี่, อดัม โกลด์เบิร์ก, แมตต์ เดม่อน และ เจเรมี เดวีส์

เรื่องย่อ : เป็นเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตระกูลไรอันได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือการที่ต้องสูญเสียลูกๆของเขาไปถึง 3 คนจาก 4 คนที่ไปร่วมรบ จึงเกิดเป็นภารกิจลับตามตัวไรอันคนสุดท้ายเพื่อที่จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะพวกเขาต้องเจอกับศัตรูระหว่างทางมากมาย จนเกิดเป็นความมันส์และความประทับใจที่สุดแสนจะซาบซึ่ง

ความสำเร็จ : ถือว่าเป็นอีกผลงานสุดมาสเตอร์พีคของสปิลเบิร์กก็ว่าได้ เพราะหนังมันประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่สามารถทำเงินไปถึง 481,840,909 ดอลลาร์ จากเงินลงทุน 70 ล้านดอลลาร์ และหลังจากหนังเข้าฉายหลายสำนักยกให้ Saving Private Ryan เป็นเต็ง 1 ของการคว้ารางวัลออสก้า ถึงปีนั้นจะมีคู่แข่งเป็นหนังสงครามเหมือนกันอย่าง The Thin Red Line ก็ไม่อาจต้านทานกระแสขอไรอันได้ ยกเว้นแต่หนังรักดราม่าอย่าง Shakespeare in Love ที่พลิกล็อกจนคนทั้งโลกยกให้ในปีนั้น เป็นปีที่ออสก้าพลิกล็อกที่สุดตั้งแต่มีมา

โดย Saving Private Ryan นั้นเข้าชิงถึง 11 สาขา และสามารถชนะมาถึง 5 สาขา แต่พลาดรางวัลใหญ่สุดของงานไปอย่างน่าเสียดาย รางวัลที่คว้ามาได้ อาทิเช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , ตัดต่อยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม และ ลำดับเสียงยอดเยี่ยม

มาพูดถึงความรู้สึกหลังดูกันบ้าง : ขอบอกก่อนเลยว่าปกติผมไม่ค่อยชอบดูหนังสงครามเท่าไรนัก เพราะผมเกลียดสงคราม มันไม่เคยมีดีอะไรดีขึ้นเลยแถมยังทำให้เกิดการสูญเสียมากมายตามมา ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลก สงครามกลางเมือง หรือสงครามที่ไม่นานอาจจะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์นองเลือดขึ้นอีก.....

นอกเรื่องไปหน่อย กลับเข้าเรื่องดีกว่า ถึงผมจะไม่ชอบหนังสงคราม แต่เรื่องนี้เป็นงานของสปิลเบิร์กเลยนะเว้ย จะไม่ได้ดูได้ไง พอตัดสินใจจะดู ดันเหลือบไปเห็นความยาวของหนังที่ 2 ชั่วโมง 50 นาที คิดในใจจะตายไหมวะเนียตรู ถ้าเป็นแนวอื่นยังพอไหว เลยเป็นไงเป็นกันวะกดเปิดดูแมร่งและพยายามทำใจให้เย็น

โอ้แม่เจ้า แค่ฉากเปิดเรื่องก็มันส์จนเลือดสาด แถมความสมจริงผมให้เต็มสิบเลย ทั้งมุมกล้องที่สั่นตลอดเหมือนโดนปืนยิง หรือจะเป็นการเมคอัพทหารที่กำลังจะตาย..จนบางทีผมจะอวกเลยนะ เพราะมันสมจริงเกิน...

หลังจากนั้นหนังก็เริ่มให้เราเห็นถึงเหตุการณ์น่าเศร้าของครอบครัวไรอัน ที่ต้องแยกทางกับดอม...ถุ๊ย ! คนละเรื่องแหละ เอาใหม่ๆ หนังมันทำให้เราเห็นถึงโศกนาฏกรรมของครอบครัวไรอัน ที่ต้องสูญเสียพวกลูกๆทีเดียวไปถึง 3 คน ฉากนี้เป็นใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น...จนทำให้ทางการต้องมอบภารกิจแก่ ร้อยเอก จอห์น มิลเลอร์ให้นำตัวไรอันกลับบ้านอย่างปลอดภัย

ร้อยเอก จอห์น มิลเลอร์นั้นแกเป็นคนที่มีปมในใจที่น่าสนใจไม่น้อย แถมยังได้ดาราชื่อดังอย่าง ทอม แฮงค์ มารับบทนี้อีกต่างหาก การแสดงของพี่แกเรื่องนี้ก็ดีเยี่ยมเช่นเคย ดีจนได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลกันแทบทุกสำนัก...ส่วนออสก้าพี่แกต้องแพ้ให้กับ Roberto Benigni พระเอกจากเรื่อง Life is beautiful ที่ต้องบอกว่าเฉือนกันไปแค่ปลายจมูก แต่ก็ต้องยอมรับว่าแกแสดงได้ดีจนผมร้องไห้เช่นกัน

ส่วนตัวละครที่ทำให้เกิดพล็อตอย่าง เจมส์ ฟรานซิส ไรอัน ที่รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ในตอนนั้นอย่าง แมตต์ เดม่อน ซึ่งตอนนั้นสปิลเบิร์กต้องการใช้นักแสดงที่คนไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่ปีนั้น..แมตต์ เดม่อน ดันได้รางวัลออสก้าจนทำให้โด่งดังจากเรื่อง Good Will hunting ไปเสียก่อน แต่ก็ถึงอย่างไรมันก็ไม่สามารถลดคุณค่าของหนังได้เลยแม้แต่น้อย

มาพูดถึงบทภาพยนตร์ : ต้องบอกว่าพล็อตดีมาก เพราะปกติที่เคยเห็นหนังสงครามต้องบู้ แอ็คชั่น วางแผน เคยดูแค่ประมาณนี้ ไม่เคยดูงานสงครามดราม่ามาก่อน มันจึงทำให้ผมไม่ระวังตัว ดูไปก็คิดว่าคงจบแบบสวยงามตามสปิลเบิร์ก....หรอ... เล่นเอาผมร้องไห้เฉยเลย ผมก็คิดนะว่าหนังแนวนี้มันต้องมีการสูญเสียบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ ทำร้ายจิตใจผมเกิน ผมรักตัวละครนี้มาก ทำใจไม่ได้...อินจัด....

เห็นไหมว่าทำไมผมถึงเกลียดสงคราม ก็เพราะแบบนี้ไง มีแต่การสูญเสียทั้งนั้น ยิ่งต้นปีที่เกือบจะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ถ้าเกิดขึ้นจริงประเทศที่ได้รับผลกระทบจะแย่ขนาดไหน ยิ่งถ้าเป็นประเทศไทยที่แย่อยู่แล้วมันจะแย่หนักกว่าเดิมขนาดไหน และถ้ากำลังทำสงครามกันอยู่เกิดเหตุโรคระบาดขึ้นอีกจะพินาศมากแค่ไหน...ขอโทษที่แอนตี้สงครามนะ ไม่ชอบจริงๆ

สรุป มันเป็นหนังสงครามที่ซาบซึ่งตรึงใจจนเสียน้ำตาโดยไม่รู้ตัว....

คะแนน 9/10 


Credit nung.io, nung2d.com


Comments
* The email will not be published on the website.
I BUILT MY SITE FOR FREE USING