ที่จะมารีวิวรอบนี้เพราะมีโอกาสได้ดู.. แต่รอบนี้พิเศษกว่ารอบไหนๆ เพราะผมได้ดูแบบซับอังกฤษทั้งเรื่อง (เนื่องจากแอพ HOOQ ที่ผมใช้ไม่มีเสียงไทยหรือแม้แต่บรรยายไทย) แต่ผมเคยดูมาไม่ต่ำกว่าสิบรอบทั้งเสียงไทยและซับไทย ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมากมายกับการดูครั้งนี้ แถมได้ฝึกภาษาอีกต่างหาก
The Shawshank Redemption เป็นภาพยนตร์ดราม่าสุดเข้มข้นและเป็นผลงานมาสเตอร์พีคของผู้กำกับ แฟรงก์ ดาราบอนต์ ผู้ที่เคยมีผลงานอย่าง The Green Mile (1999) และ The Mist (2007)
เรื่องย่อ : แอนดี้ ดูเฟรนส์ (ทิม ร็อบบินส์) นายธนาคารหนุ่มที่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมภรรยาและชายชู้เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ศาลได้ตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตแอนดี้ในเรือนจำชอว์แชงค์ ในปี ค.ศ. 1947 ที่นั้นทำให้เขาได้พบเจอเรื่องราวสุดแสนมิตรภาพที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้อีก
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ สตีเฟน คิง นักเขียนแนวสยองขวัญชื่อดังอย่าง Rita Hayworth and Shawshank Redemption (1982) เชื่อไหมว่า สตีเฟน คิง ขายลิขสิทธิ์ในการทำหนังให้กับ แฟรงก์ ในราคาเพียง 1,000 เหรียญเท่านั้น เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนที่รักกันมาก แถมเช็คใบนั้น สตีเฟน คิง ไม่ได้เอาไปขึ้นเงินแต่อย่างใด กลับนำมาใส่กรอบและส่งคืนเจ้าของสะงั้น
ด้านนักแสดง : ตอนแรก ทอม แฮงค์ แกสนใจในบทนี้มาก แต่คิวงานดันไปชนกลับหนังดังแห่งปีอย่าง Forrest Gump ทำให้ ทิม ร็อบบินส์ ได้บทนี้ไปครอง ส่วนอีกคนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มอร์แกน ฟรีแมน ซึ่งมีเรื่องที่ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยคือ มอร์แกน ฟรีแมน ที่เหมือนจะเป็นเพื่อนพระเอกกลับได้เข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายสะงั้น
ด้านรายได้ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ตอนออกฉายช่วงแรกๆไม่ค่อยทำเงินเท่าที่ควร แต่พอหนังได้ถูกเสนอเข้าชิงออสก้าถึง 7 รางวัลทำให้เรื่องนี้กลับมาขายได้อีกครั้ง จากเงินลงทุน 25 ล้านเหรียญ สามารถทำรายได้รวมทั่วโลกไป 58.3 ล้านเหรียญ แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะหนังได้เข้าชิงออสก้าถึง 7 สาขา กลับไม่ได้เลยสักรางวัล เพราะในปีนั้นมีแต่หนังดีๆมากมาย ทั้ง Forrest Gump, Plup fiction และ The Shawshank Redemption แต่ในเว็บไซต์หนังชื่อดังอย่าง IMDB จัดให้เรื่องนี้อยู่ที่ 1 ตลอดกาลจากการโหวตถึง 2 ล้านกว่าคน คะแนนเฉลี่ย 9.2
ด้านบทภาพยนตร์การันตีด้วยชื่อสตีเฟน คิง แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว พล็อตอาจจะไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ดูง่ายเข้าใจง่าย การดำเนินเรื่องอาจจะช้าไปบ้าง แต่ทุกฉากจะมีความละเอียดและเรียบง่ายซ่อนอยู่เสมอ แถมยังมีความละเมียดละไมสูง อีกอย่างที่ชอบคงเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละคร แอนดี้ กับ เรด เพื่อนรักที่ดูจะเข้าอกเข้าใจกันแทบจะทุกเรื่อง เพราะทั้งสองใช้เวลาในการสานสัมพันธ์นานกว่า 10 ปี และการแสดงอารมณ์ของ มอร์แกน ฟรีแมน ที่แค่ดูผ่านแววตาก็สามารถทำให้เราขนลุก ถือเป็นอีกเรื่องที่ ฟรีแมน แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก
เสียงเพลงคืออีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมประทับใจถึงผมจะไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรก็ตาม หลายคนที่เคยดูคงพอจะเดาได้ว่ามันคือฉากไหน บรรยากาศของหนังโดยรวมเหมือนมันกำลังจะสร้างกำลังใจให้กำลังคนที่กำลังหมดหวัง ถึงจะอยู่ในที่สุดแสนจะรันทดหรือยากลำบากเพียงใด แค่เราทำตัวเองให้ดี ไม่ต้องดีไปหมดทุกเรื่องก็ได้ ทุกปัญหาจะมีทางออกเสมอ อยู่ที่เราจะสร้างทางออกของมันขึ้นมาหรือเปล่า และอีกอย่างความหวังอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะถ้าเราหวังสูงเกินไปแล้วมันไม่สำเร็จ คนที่จะเจ็บหนักที่สุดก็คือเรา แต่ถ้าคนเราหวังไปด้วยและลงมือทำไปด้วย ความหวังคงไม่ไกลเกินที่จะใฝ่ถึง
ต้องบอกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันครบรสชาติมาก ถ้าเปรียบเป็นอาหารคงจะเป็นอาหารที่ดูหรูหราและมีประโยน์ชครบทั้งห้าหมู่ เป็นภาพยนตร์ที่ให้ทั้งความบันเทิง ให้ทั้งแรงใจ หรือให้แม้แต่แง่คิดเกี่ยวกับชีวิต ใครที่รักในการดูหนัง การที่คุณเกิดมาได้หนึ่งครั้ง สิ่งคุณควรทำคือดูหนังเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้ดีที่สุดสำหรับผม แต่มันก็ติดตาตรึงใจและประทะบใจผมไปอีกนาน ถึงผมจะชอบ Forrest Gump มากกว่าก็ตามที
Credit: nung2d.com, nung.io