The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ
เป็นภาพยนตร์แนวฟิลกู๊ดคอเมดี้ ของพ่อมดแห่งฮอลี่วูดอย่าง Steven Spielberg ผู้ที่มีหนังประสบความสำเร็จมากมายจนไม่บรรยาย คราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้กลับมาร่วมงานกับ Tom Hanks หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วจาก Catch me if you can ในปี 2002 และ Saving private Ryan ในปี 1998
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของ วิกเตอร์ นาวอร์สกี้ ที่ต้องการเดินทางไปยังนิวยอร์ก แต่... เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น จนทำให้เขาไม่สามารถเข้าเมืองได้ จะบินกลับก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องอาศัยอยู่ในสบามบิน จนสนิทสนมกับพนักงานและที่สำคัญมันทำให้เขาได้รู้จักกับสาวแอร์โฮสเตสแสนสวย
หนังเรื่องนี้สปิลเบิร์กได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของ Mehran Karimi Nasseri ผู้ที่ติดอยู่ในสนามบินที่ฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1988 จนถึงปี 2006 หลังจากที่เสร็จงาน Catch me if you can สปิลเบิร์กตัดสินใจพัฒนาเรื่องนี้ต่ออย่างไม่รอช้า เพราะเขาอยากสร้างภาพยนตร์ "ที่สามารถทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้และรู้สึกดีกับโลกใบนี้" แต่การสร้างไม่ใช่งานง่ายๆ เพราะต้องไปถ่ายทำที่สนามบินตลอดเวลา จนสุดท้ายต้องไปถ่ายโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ที่ LA/Palmdale Regional Airport
ความสำเร็จ : ถือเป็นอีกเรื่องที่คำวิจารณ์ต่างๆจะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ดีอะไรมากมาย ในด้านรายได้ก็ทำไปถึง 219.4 ล้านเหรียญ จากเงินลงทุน 77.9 ล้านเหรียญ
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงคือตัวละครเอกอย่าง ริกเตอร์ ที่นำแสดงโดยทอม แฮงค์ เขาเป็นคนซื่อๆ แต่มีฝีมืออย่างมาก เราจะได้เห็นการใช้ชีวิตและการเอาตัวรอดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาเงิน การนอน จนทำให้ใครหลายคนอาจจะหลงรักผู้ชายคนนี้เหมือนผม... ถือเป็นอีกเรื่องที่ป๋าทอม แฮงค์ แสดงได้ดีเหลือเกิน อาจจะไม่ทำกับ Forrest Gump แต่ก็ทำให้เรายิ้มที่มุมปากตลอดเวลา แค่ดูการแสดงของทอม แฮงค์ก็คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแล้ว
ขอพูดถึงอีกหนึ่งตัวละครคือ สาวแอร์โฮสเตสแสนสวย ที่รับบทโดย แคเธอรีน ซีต้า โจนส์ สวยเซ็กซี่ซึ่งบทเขาอาจจะไม่มากเท่าเพื่อนพระเอกคนอื่น แต่ต้องบอกว่าเป็นตัวละครที่สำคัญจริงๆ สำคัญจนอยากจะกระโดดถีบหน้า ถึงหนังจะให้เราเห็นอารมณ์ฟิวกู๊ดแต่มันก็แฝงไปด้วยเรื่องน่าเศร้า จนทำให้หลายๆอย่างไปไม่สุดเท่าที่ควร
บทภาพยนตร์ยังมีช่องโหว่กับการไม่สมเหตุสมผลอยู่เล็กน้อย (เขียนบทโดย Sacha Gervasi ,Jeff Nathanson) แต่การที่มันเป็นหนังฟิวกู๊ดเราจึงมองข้ามตรงนั้นไปได้เลย เพราะบรรยากาศสุดแสนจะอบอุ่นจนทำให้คุณหุบยิ้มไม่ได้ บวกกับฉากฮาๆที่เรียกเสียงหัวเราะไม่มากก็น้อย หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที การดำเนินเรื่องเลยอาจจะปูช้าไปนิดหน่อย
การเสียดสี : ถ้าดูดีๆแบบตั้งใจ สปิลเบิร์กมีความพยายามที่จะเสียดสีหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสนามบิน ภาครัฐ การทำงานของเจ้าหน้าที่ และเรื่องที่คนเราต้องทำตามกฎอย่างเคร่งขัดจนลืมความเป็นคน บางครั้งมันเป็นเรื่องยากนะที่จะทำตามกฎระเบียบให้ถูกเสมอ ถ้าเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็จะเห็นถึงเหตุและผลว่าทำไมเขาถึงต้องทำสิ่งที่ห้าม บ้างอย่างผมว่าไม่จำเป็นต้องให้ถูกเสมอไปหรอก ถ้าความถูกต้องมันทำให้ใครหลายคนลำบาก อะไรที่ปล่อยได้ก็ควรจะปล่อยมันอยู่ที่ความจำเป็นของแต่ละฝ่าย....
สรุป : มันเป็นหนังฟิวกู๊ดที่จะทำให้คุณยิ้มแล้วยิ้มอีก แต่ตอนจบหลายๆอย่างไม่โดนใจผมเท่าไรหนัก ใครที่กำลังเครียดอยากหาอะไรดูเพื่อผ่อนคลาย แนะนำเรื่องนี้เลยครับ
7.5 คะแนน
Credit nung.io, nung2d.com