22 Apr
22Apr


The Green Mile (1999) ปาฏิหาริย์แดนประหาร

เป็นภาพยนตร์ดราม่าแฟนตาซีของผู้กำกับแฟรงก์ ดาราบอนต์ ผู้ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับพวกเรามาแล้วใน The Shawshank redemption เรื่องนี้ก็เช่นเดิมดัดแปลงมาจากนิยายของ สตีเฟน คิง ในชื่อเดียวกัน แถม แฟรงก์ ดาราบอนต์ ยังได้ สตีเฟน คิง มาช่วยเขียนบทอีกด้วย ด้านนักแสดงก็ได้ ทอม แฮงค์ มารับบทเป็นผู้คุมและได้ ไมเคิล คลาร์ก ดันแคน มารับบทเป็นนักโทษประหาร

โดยภาพยนตร์ The Green Mile ถือว่าประสบความสำเร็จทางรายได้มากกว่าเรื่องก่อนหน้านี้ โดยสามารถทำเงินทั่วโลกไป 290 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างที่สูงไม่ใช่เล่นถึง 60 ล้านดอลลาร์ และยังถูกเสนอเข้าชิงออสก้าอีก 4 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม , ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แต่ The Green Mile ก็ตามรอยหนังรุ่นพี่อย่าง The Shawshank redemption โดยการไม่สามารถชนะรางวัลอะไรได้เลยสักสาขา (ซึ่งหนังรุ่นพี่ชิง 7 ได้ 0 หนังรุ่นน้องชิง 4 ได้ 0 )

เรื่องย่อ : พอล เอดจ์คอมบ์ อดีตพัศดีในบ้านพักคนชราเล่าเรื่องความหลังของตนในปี ค.ศ. 1935 สมัยยังทำงานเป็นพัศดีอยู่ ในขณะประจำการที่โคลด์ เมาท์เทนท์ ทางใต้ ในยุคของการกดขี่ด้านชนชั้นและสีผิว งานของเอดจ์คอมมบ์และพัศดีคนอื่น ๆ คือการดูแลนักโทษประหาร ที่รอการเดินทางผ่านเส้นทาง ที่เรียกว่า กรีนไมล์ ทางเดินสีเขียวที่นักโทษใช้เป็นทางเดินออกจากห้องขังไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้านักโทษทุกคนล้วนแต่สำนึกในโทษของตัวเองแล้วทั้งนั้น และมีชีวิตอยู่เพื่อรอวันสุดท้าย ทำให้พัศดีทุกคนล้วนแต่เห็นใจและผูกพันกับนักโทษทุกคน

ความรู้สึกหลังดู : มันรู้สึกเศร้ามากจนน้ำตาไหล และก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน ทำไมถึงทำแบบนี้ ดูจากภายนอกก็รู้แล้วว่าเขาเป็นยังไง อย่แรกขอบอกก่อนว่าใครจะดูควรหาเวลาว่างจริงๆเพราะตัวหนังมีความยาวมากถึง 3 ชั่วโมงกว่า แนะนำให้ดูทีเดียวจบจะได้อรรถรสที่เต็มรูปแบบ อย่างที่สองคือผมชอบการแสดงของไมเคิล คลาร์ก ดันแคน มาก ถึงเขาจะดูตัวใหญ่แต่ในจิตใจช่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก ต้องยอมรับว่าเขาแสดงเด่นกว่านักแสดงนำอย่าง ทอม แฮงค์อีก แต่ป๋าทอมแสดงเรื่องนี้ก็ไม่ธรรมดา อีกคนที่ชอบคือ เดวิด มอส

ด้านบทภาพยนตร์ถือว่าทำออกมาได้ดูง่ายไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย มีจุดให้เราเซอร์ไพรด้วยนะ พอถึงฉากนั้นถึงกับตกใจ เหมือนเปลี่ยนโทนหนังไปเลย ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่มันแปลกใจเฉยๆ คนที่เราจะให้เครดิตเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก สตีเฟน คิง ด้านงานดนตรีประกอบก็ได้ โทมัส นิวแมน มาประพันธ์เพลง ทำให้บรรยากาศในแดนประหารแห่งนี้ดูดีขึ้นไปอีก โปรดักชั่นก็ถือว่าทำงานออกมาได้ดูสมจริงในหลายๆอย่าง ทั้งแดนประหาร หรือห้องประหารเก้าอี้ไฟฟ้า

อีกอย่างที่ชอบคงเป็นความสัมพันธ์ของเหล่านักโทษกับผู้คุมที่ดูจะเป็นมิตรกันเสมอ ใครทำผิดก็ต้องรับโทษ หลายฉากของเรื่องมันทำร้ายเราอย่างจัง เหมือนตอนแรกปูมาอย่างสวยงาม แต่พอเข้าสู่โลกแห่งความจริงมันช่างโหดร้ายแบบนี้แหละ แต่มันก็มีสิ่งที่ผมไม่ชอบคือหนังมันยาวไปหน่อย ถึงมันจะยาวแต่การดำเนินเรื่องต่างๆรู้สึกไม่เอื่อยเลย เพราะหนังมันเดินไปข้างหน้าตลอด

ตอนจบก็เป็นอะไรที่ผมไม่ชอบอีกเช่นกัน (อาจมีสปอยข้ามไปก่อนคนที่ยังไม่ได้ดู) แต่นี้และหนัง หนังมันต้องทำแบบนี้ ถ้าเอาจริงๆมันน่าจะพอมีทางแก้ไขนะ สุดท้ายคนที่รับกรรมไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย มันคือความผิดของทุกคนที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สงสารมาก เป็นคนดีที่ช่วยเหลือคนอื่นทุกคน แต่พอกลับเป็นตัวเองไม่เคยมีใครพร้อมจะช่วยเขาเลย อินจัด

สรุปมันเป็นหนังที่รู้สึก เศร้า หดหู่ แต่ระหว่างทางมันเต็มไปด้วยมิตรภาพของกันและกัน สุดท้ายคุณอาจจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้ก็เป็นได้ ใครที่ชอบ The shawshank redemption หรือชอบแนวดราม่า รับรองเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่

9/10 คะแนน 


Credit nung.io, nung2d.com


Comments
* The email will not be published on the website.
I BUILT MY SITE FOR FREE USING