Click (2006) เรื่องราวของ “ไมเคิล นิวแมน” สถาปนิกหนุ่มที่ทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ งานมาก่อนเสมอ จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว โดยหวังจะได้เลื่อนขั้น ครอบครัวจะได้สุขสบายมากขึ้น จนละเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดไป
วันหนึ่งเขาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อจะหาซื้อรีโมทใหม่ ได้พบกับชายนักประดิษฐ์คนหนึ่ง ที่ได้มอบรีโมทสารพัดประโยชน์ให้ฟรีๆ เขารู้สึกแปลกประหลาดตกใจ กับความมหัศจรรย์ของมัน ที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ดั่งใจ เพียงแค่กดปุ่ม ไม่ว่าจะข้ามเวลา ย้อนเวลา เบาเสียงเวลาไม่อยากได้ยินเสียงใคร เดินหน้าไปเร็วๆ เวลารถติด เวลาทำกิจกรรมบนเตียงกับเมีย รวมทั้งหยุดความเคลื่อนไหวเวลาทะเลาะกับเมีย และอื่นๆ อีกมากมายสารพัด เขาใช้มันอย่างแฮปปี้เพราะมันทำให้การทำงานราบรื่น ไม่ต้องมีปัญหาใดๆ มากวนใจ
แต่แล้ววันหนึ่งเจ้ารีโมทมันจดจำสิ่งที่เขาต้องการได้ โดยไม่ต้องกดมัน ทำให้ข้ามเวลาไปข้างหน้าเกินกว่าที่เขาต้องการ และมันก็สายเกินที่จะแก้ไข ทำให้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร?
———————-
ก่อนดูหนังเรื่องนี้ใครๆ ก็คงคิดว่ามันเป็นหนังตลก ก็ใช่แหละ มันคือหนังตลก แต่เป็นหนังตลกที่ไม่ตลก เป็นหนังครอบครัวที่ดีอีกเรื่องนึงเลย ครึ่งแรกถ้าดูแบบไม่คิดอะไร ก็เหมือนขายขำ ขายความแฟนตาซีความมหัศจรรย์ของรีโมท แต่เอาเข้าจริงประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวมีมาตั้งแต่เริ่มแล้ว ยิ่งช่วงครึ่งหลังจะค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้นการที่พระเอกทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ หวังจะก้าวหน้า เพื่ออนาคตที่สุขสบายขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่ดีและไม่ผิด แต่การที่เขามีครอบครัวแล้ว ละเลยหลายๆ อย่างไป ให้ความสําคัญกับลูกๆ และภรรยาน้อยลง จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมา ดั่งที่เห็นในหนังช่วงที่เขาควบคุมการข้ามเวลาเองไม่ได้ จนเขาเริ่มรู้สึกว่าขาดหายช่วงเวลาที่สำคัญกับครอบครัวไป รวมถึงหลายๆ อย่างเขาไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้ เพราะงั้นจึงควรมีความพอดี หาบาลานซ์ให้เจอ
โดน โดนมากๆ ซึ้ง ยิ่งฉากท้ายๆ คือน้ำตาคลอเลยนะ ซาบซึ้งใจจริงๆ ถ้า In Time เป็นหนังที่ทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลา เรื่องนี้ก็ทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลาเหมือนกัน ทุกวินาทีมีค่าและสำคัญ บางครั้งเราก็ละเลยและมองข้ามมันไป จะเห็นค่ามันก็ต่อเมื่อเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้แล้ว Click เป็นหนังที่ควรดู และจะดีไปอีกถ้าได้ดูพร้อมกันกับครอบครัว มันคือหนังตลกที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับครอบครัวได้ดีที่สุดตั้งแต่เคยดูมา
“พ่อรักลูกนะๆๆๆ”
“พรุ่งนี้เช้าคุณจะรักฉันอยู่ไหม”
Credit nung.io, nung2d.com