31 Mar
31Mar


มหา'ลัย เหมืองแร่ (2548)
เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติไทยดราม่าคอเมดี้ที่สร้างจากหนังสือรวมเรื่องสั้น ชุด เหมืองแร่ ของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ที่กำกับและเขียนบทโดย จิระ มะลิกุล ผู้ที่เคยมีผลงานทั้ง 15 ค่ำ เดือน 11 , มหา'ลัยเหมืองแร่ , รัก 7 ปี ดี 7 หน (ตอน 42.195) และ พรจากฟ้า (ตอน พรปีใหม่) ด้านรางวัลก็สามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ถึง 3 สถาบัน คือ รางวัลสุพรรณหงส์ , ชมรมวิจารณ์บันเทิง และคมชัดลึก อวอร์ด

ด้านรายได้ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะหนังใช้ทุนสร้างสูงมากถึง 70 ล้านบาท แต่กลับทำเงินได้เพียง 30 ล้านบาท และ 30 ล้านก็ไม่ใช่น้อยๆกับหนังรางวัลแบบนี้ เพราะปกติหนังพวกนี้จะเรียกได้ว่าเฉพาะกลุ่มเลยก็ได้ ทำออกมากี่เรื่องๆก็ขนาดทุนหรือไม่ก็ได้กำไรน้อย ทำให้หนังไทยประเภทนี้ค่อยๆหายไป แถมภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉายโรงภาพยนตร์ในเครือ เอสเอฟ ซีนีม่า อีกด้วย

เรื่องย่อ ในปี พ.ศ. 2492 นาย อาจินต์ ปัญจพรรค์ วัย 22 ปี นิสิตชั้นปีที่สองจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกรีไทร์ออกจากมหาวิทยาลัย เขาได้เดินทางลงใต้เพื่อจะหางานทำ จนมาเจอกับนายฝรั่งและได้ทำงานใช้แรงงานแทนคนงานของเรือขุดสายแร่ดีบุก จากนักศึกษามหาลัยกลับต้องมาทำงานในเหมืองแร่..

ความรู้สึกหลังดูไม่รู้จะพูดยังไงดี มันจุกอยู่ที่อกมันตื้นตันไปหมดถึงขั้นผมร้องไห้ออกมาเฉยเลย มิตรภาพช่างแสนสวยงามและมักเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ความรู้ก็เช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้จากตำราเรียนอย่างเดียว จริงๆความรู้มันอยู่รอบตัว อยู่ที่ว่าเราจะสนใจและใส่ใจกับมันมากน้อยแค่ไหน นี่สินะคือที่มาของ "มหาลัยเหมืองแร่"

ช่วงแรกๆของหนังผมงงมาก งงกับภาษาที่ใช้คือผมเป็นคนไม่เก่งด้านภาษาเท่าไร ภาษาอังกฤษยังพอทน เจอภาษาใต้ผมไปไม่เป็นเลย แต่ดูไปสักพักก็เริ่มปรับตัวเข้ากับหนังได้มาก เริ่มเข้าใจสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อออกมา มันช่างอบอุ่นและอบอวลไปด้วยบรรยายของฝนที่ตกแทบจะทั้งเรื่องยิ่งบวกกับเรื่องมิตรภาพของเพื่อนๆเข้าไปอีก มันยิ่งทำให้กลายเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมอีกหนึ่งเรื่องของไทย

อีกประเด็นนึงคือการมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่ว่าเราจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ถ้าเราคอยช่วยเหลือห่วงใยซึ่งกันและกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่คตโกง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน หรือสิ่งต่างๆที่มันไม่ดี ชีวิตเราจะเจริญขึ้นอย่างแน่นอน

ผมว่าประเด็นของเรื่องมันสากลมากพอที่จะพลักดันเรื่องนี้ไปถึงเวทีระดับโลกอย่างออสก้าได้เลยนะ แต่แค่ในไทยคนยังไม่สนับสนุนเท่าที่ควร คงเป็นเรื่องยาก...

สรุปมันเป็นหนังมิตรภาพที่มาพร้อมกับคำสอนและข้อคิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว

"เอาผมไปฆ่าให้ตาย ผมก็ยังรักคุณ"

"กินอย่าอาย ตายอย่ากลัว ยากช่างหัว ตายปลด"


Credit nung.io, nung2d.com

Comments
* The email will not be published on the website.
I BUILT MY SITE FOR FREE USING